วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ที่ท่องเที่ยวในกระบี่

ที่ท่องเที่ยวในกระบี่ 1.สระมรกต
ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองท่อม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประมง โดยมีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ ไฮไลท์อยู่ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับสระน้ำธรรมชาติที่มีสีเขียวเหมือนมรกตขนาดใหญ่ และมีความใสจนมองเห็นพื้นหินข้างล่างได้อย่างชัดเจน รอบ ๆ บริเวณยังมีศาลาเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์ รวมถึงยังได้เพลิดเพลินกับการว่ายน้ำเล่น 2.ทะเลแหวก
หนึ่งในที่เที่ยวสุดอันซีนของกระบี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งมีที่มาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติเมื่อยามน้ำลด ที่จะพัดพาเอาเม็ดทรายมารวมกัน ณ ที่นี้ และเผยให้เห็นแนวสันทรายยาวเชื่อมต่อได้ระหว่าง 3 เกาะ คือ เกาะไก่ เกาะหม้อ และเกาะทับ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นไป-มาระหว่างเกาะ ท่ามกลางบรรยากาศน้ำสวยทะเลใสของกระบี่ 3.อ่าวนาง
เป็นหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของกระบี่ ด้วยเพราะเป็นจุดต่อเรือไปยังที่ต่าง ๆ ได้สะดวก จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเที่ยวที่อ่าวนางเป็นจำนวนมาก มีลักษณะเป็นหาดทรายทอดยาว มีถนนเลียบชายหาด มีภูเขาคั่นระหว่างชายหาด ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตา และยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม 4.ป่าพรุท่าปอม คลองสองน้ำ
ตั้งอยู่ที่บ้านหนองจิก ที่นี่มีแหล่งน้ำจืดที่ใสสะอาดเสียจนมองเห็นพื้นน้ำเบื้องล่าง ประดับด้วยรากไม้ป่าหลุมพีที่เลื้อยไปเลื้อยมา ยิ่งเมื่อแดดสาดแสงลงมาจับต้องแอ่งน้ำเหล่านี้ ยิ่งก่อให้เกิดประกายระยิบระยับ นักท่องเที่ยวจะได้เดินชมธรรมชาติบนสะพานไม้ระแนง ทอดตัวเลื้อยไปตามแอ่งน้ำ บางช่วงมีเก้าอี้ไม้นั่งพัก นั่งชมทัศนียภาพสองข้างทาง หรือเติมดีกรีผจญภัยอีกนิดด้วยการพายคายักล่องไปตามแนวป่าโกงกาง 5.น้ำตกร้อนคลองท่อม
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอคลองท่อม บริเวณบ้านบางคราม-บ้านบางเตียว มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติกลางป่ารองรับน้ำตก ที่ไหลมาพร้อมกับสายน้ำแร่ และเป็นธารน้ำพุร้อนผุดที่ขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ ในอุณหภูมิพอเหมาะที่นักท่องเที่ยวสามารถลงไปแช่ได้ ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถบำบัดอาการไขข้ออักเสบ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเกี่ยวกับผิวหนัง 6.หาดถ้ำพระนาง
เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่สถิตของพระนางอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ หากแต่สวยงามน่าประทับใจ ลองนักท่องเที่ยวเข้าไปอยู่ภายในถ้ำ และมองออกมาข้างนอก ปากโพรงถ้ำจะมีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้าสวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงราย ในยามพระอาทิตย์ตกจะเป็นมุมมองสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย 7.หมู่เกาะห้อง
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ มีเวิ้งหาดสองหาดติดกันโดยกั้นด้วยโขดหินตรงกลาง น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา 8.หาดไร่เลย์
ตั้งอยู่ในตำบลอ่าวนาง เป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมปีนหน้าผา และสามารถปีนได้ตลอดทั้งปี และถูกภูเขาล้อมรอบทุกด้าน ทำให้ผู้คนที่จะเดินทางมาเที่ยวหาดไร่เลต้องนั่งเรือเพียงอย่างเดียว ซึ่งนี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งทำให้ชาวบ้านที่หาดไร่เลย์ ยังไม่ถูกเทคโนโลยีหรือความเจริญกลืนกิน รวมถึงวิถีชีวิตของหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ที่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย 9.น้ำตกธารโบกขรณี
ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี มีลักษณะเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ไล่ระดับกัน นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศร่มรื่นและสามารถเห็นทัศนียภาพของรากไม้ต่าง ๆ ที่ชอนไชอยู่ตามแอ่งน้ำอย่างสวยงาม 10.วัดถ้ำเสือ
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 5-6 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ พลาดไม่ได้กับการสักการะขอพรจาก "เจ้าแม่กวนอิม" ซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ภายในวัด สูงเด่นเป็นสง่า รวมถึงการพิชิตบันได 1,200 ขั้น เพื่อขึ้นไปสักการะ "พระธาตุเจดีย์ระฆังใหญ่" ซึ่งตั้งอยู่บนดอย อีกทั้งยังมองเห็นทิวทัศน์กระบี่ได้โดยรอบ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หอยชักตีน

หอยชักตีนลวก 




                                                  หอยชักตีนเป็นหอยทะเลชนิดหนึ่ง มีมากในแทบเมืองกระบี่ มีลักษณะพิเศษคือตรงบริเวณปากกาบหอยมีติ่งคล้ายเล็บยื่นออกมา บางคนเรียกว่าตีนหอย เมื่อนำไปลวกสุก สามารถดึงตีนหอยนี้ออกมาพร้อมเนื้อหอยได้เลย เลยเป็นที่มาของชื่อหอยชักตีนหอยชักตีนลว

วิธีทำ


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หอยชักตีน













นำตัวหอยชักตีนสดมาแช่น้ำเค็มที่สะอาด หรือน้ำจืดธรรมดาแต่เติมเกลือลงไปในน้ำเพื่อให้มี รสเค็มเหมือนน้ำทะเล ตำพริกขี้หนูสดใส่ไปในน้ำประมาณ 2-3 ดอก เพื่อให้มีรสเผ็ด หอยจะค่อย ๆ ขยับตัวยื่น "ตีน" และตัวออกมา นอกเปลือก ดินโคลนที่อยู่ในตัวหอยก็จะถูกคายออกมาปะปนกับน้ำ แช่ทิ้งไว้ในที่ที่ไม่มีสิ่งรบกวน ประมาณ 30 นาที แล้วเทน้ำทิ้ง ล้างน้ำและคนหอยหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้ เปลือกภายนอกสะอาด เติมน้ำธรรมดาลงไปในภาชนะที่ใส่หอยเพื่อใช้ต้ม พอท่วมตัวหอย นำไปวางบนเตา เมื่อน้ำเริ่มอุ่น และร้อนขึ้น หอยก็จะค่อย ๆ ยื่น "ตีน" ออกมาต้มทิ้งไว้จนตัวหอยสุกมีกลิ่นหอมจึงยกลง เทน้ำทิ้ง เคล็ดลับในการต้มหอยให้อร่อย และสะดวกในการรับประทาน
(1) ต้องเลือกหอยที่ยังสด
(2) แช่น้ำทิ้งไว้จนแน่ใจว่าดินโคลนในตัวหอยถูกคายออกหมด
(3) ต้องต้มหอยพร้อมน้ำเย็น ห้ามเทหอยลงในน้ำร้อนหอยจะหดตัว
4) ห้ามคนหอยขณะที่ยังต้มไม่สุก

วิธีทำน้ำจิ้ม
เอากระเทียม น้ำตาล น้ำปลา พริกขี้หนู เกลือ โขลกเข้าด้วยกันคั้นมะนาวลงไปตามต้องการ ปรุงรสให้ออกเปรี้ยวหวานตามชอบ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หอยชักตีน
                                                                                  



  เคยนึ่ง

วิธีทำ

คั้นมะพร้าวโดยใส่น้ำอุ่น ¼ ถ้วย คั้นให้ได้กะทิ 1 ถ้วย ใส่ในอ่างผส

ตักส่วนผสมใส่ถ้วยสำหรับนึ่งประมาณ ¾ ถ้วย โรยหน้าด้วยพริกขี้หนู ยกเรียงลงในลังถึงปิดฝา นึ่งในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที 

ต่อยไข่ใส่ในกะทิ ใส่เคยเค็มคนให้เข้ากัน ใส่หมูบดกับหอมแดงคนพอทั่ว 

กุ้งเสียบ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กุ้งเสียบ กระบี่



กุ้งเสียบ คือกุ้งเสียบไม้นำไปรมควันหรือย่างด้วยไฟอ่อนๆ สามารถเก็บไว้ได้นาน จัดเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งของคนกระบี่


วิธีการทำ

          ต้องคัดเอากุ้งนาง  กุ้งแตะหรือกุ้งแต้  ที่ยังสด  และให้ได้ขนาดเท่าเทียมกัน นำไปล้างให้สะอาด ใช้ไม้สำหรับเสียบ ซึ่งมีความหนาเท่าก้านมะพร้าว  เหลาให้แบนและแหลม  ปลายเสียบเข้ากลางตัวกุ้ง  จากส่วนหลังไปทะลุส่วนท้อง ในส่วนข้างของตัวกุ้งเรียงชิดกัน หันหางไปทางเดียวอาจเสียบให้หันท้องประกบกันเป็นคู่ ๆ  หรือให้หันด้านหลังตามกันทั้งหมดก็ได้  แต่ละเสียบมีกุ้งประมาณ๙-๑๐ ตัว จัดแต่งตามความยาวของไม้เสียบและแถวของกุ้งให้เท่า ๆ กัน เพื่อสะดวกในการจัดเก็บ เสร็จแล้วนำไปวางราบบนแผงที่สานตาห่างๆ
แล้วนำแผงนั้นไปวางเหนือกองไฟ โดยใช้ไฟอ่อนๆ ที่ให้ทั้งความร้อนและควัน ย่างให้น้ำในตัวกุ้งออกจนหมดและให้สุกดีทั่วทุกส่วน ควันไฟจะช่วยเคลือบผิวกุ้งให้เป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ และมีกลิ่นหอมปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นดีแล้วนำมาวางซ้อนสลับหัวและหางแล้วใช้เชือกมัดรวมกันเป็นมัด ๆ  แต่ละมัดมีประมาณ ๔-๖ ตัว เสียบเพื่อสะดวกแก่การเก็บและส่งไปจำหน่าย

                                ขนมจีน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ขนมจีน
ขั้นตอนการทำขนมจีน
1. การทำความสะอาด และแช่ข้าว
เป็นขั้นตอนแรก ด้วยการนำข้าวมาแช่น้ำ และล้างทำความสะอาด โดยเฉพาะสิ่งปนเปื้อนที่มักลอยอยู่ชั้นบนหลังแช่ข้าวในน้ำ หลังล้างเสร็จให้แช่ข้าวสักพัก ก่อนนำเข้าขั้นตอนการหมัก
2. การหมักข้าว
การหมักข้าวเป็นกระบวนการที่ใช้จุลินทรีย์เข้าช่วยย่อยแป้ง และทำให้เกิดกลิ่น ด้วยการหมักข้าวทั้งแบบแห้ง และแบบแช่น้ำ แต่ทั่วไปนิยมหมักแห้งมากที่สุด
การหมักแห้งเป็นวิธีการหมักที่ไม่ต้องแช่ข้าว แต่จะให้น้ำแก่เมล็ดข้าวเป็นช่วงๆ เพื่อให้แป้งในเมล็ดข้าวมีการดูดซับน้ำ เกิดภาวะเหมาะสมของจุลินทรีย์ และทำให้นำมาบดได้ง่ายขึ้น ขั้นตอนการหมักมีดังนี้
– นำข้าวที่ล้างทำความ และแช่ได้เหมาะสมแล้ว ใส่ในภาชนะที่มีรูให้น้ำไหลผ่านได้ เช่น ตะกร้าไม้ไผ่ ตะแกรงลวด เป็นต้น การหมักจะเป็นการให้น้ำแก่เมล็ดข้าวทุกวันแบบไม่มีการแช่ ซึ่งมักจะหมักนาน 2-3 วัน (โรงงานมักหมักประมาณ 1-2 วัน/ครัวเรือน 2-3 วัน)
– เมื่อหมักข้าวครบตามวันที่ต้องการ ให้สังเกตข้าวที่พร้อมนำมาใช้ ซึ่งจะมีลักษณะเม็ดพองโต มีสีใสออกคล้ำเล็กน้อย เมื่อบีบจะเปื่อยยุ่ยง่าย มีกลิ่นแรงจากการหมัก ซึ่งถือว่าลักษณะเหล่านี้เหมาะสำหรับนำมาบดขั้นต่อไป
ทั้งนี้ การหมักข้าวไม่ควรหมักนานเกิน 3-4 วัน เพราะจะทำให้ข้าวมีสีคล้ำ และมีกลิ่นคล้ายกลิ่นข้าวบูดได้ โดยจุลินทรีย์ที่ตรวจพบ ได้แก่ Bacillus subtilis, Lactobacillus plantarum เป็นต้น
3. การบดข้าว
เป็นขั้นตอนนำข้าวมาบดผ่านเครื่องบดเพื่อให้เมล็ดข้าวแตกเป็นผงขนาดเล็ก โดยมักบดขณะที่ข้าวอิ่มน้ำ ร่วมกับเติมน้ำขณะบด โดยข้าวที่บดจะแตกเป็นผงละลายมากับน้ำ ผ่านผ้าขาวสำหรับกรองให้ไหลลงตุ่ม ซึ่งในขั้นตอนนี้อาจเติมเกลือประมาณ 4 ส่วน สำหรับป้องกันการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์
4. การนอนแป้ง
การนอนแป้งเป็นขั้นตอนที่ใช้ในระดับครัวเรือน ด้วยการแช่น้ำแป้งให้ตกตะกอน น้ำแป้งส่วนบนจะมีสีเหลือง และสิ่งปนเปื้อนสีดำคล้ำจะลอยอยู่บนสุด ในขั้นตอนนี้จะทำการล้างน้ำแป้ง ด้วยการให้น้ำ และปล่อยให้ตกตะกอน ซึ่งจะทำให้แป้งขาวสะอาด และมีกลิ่นน้อยลง
5. การทับน้ำหรือการไล่น้ำ
ขั้นตอนนี้เป็นวิธีการกำจัดน้ำออกจากน้ำแป้ง ด้วยการนำน้ำแป้งใส่ผ้าขาวที่มัดห่อให้แน่น แล้วนำของหนักมาทับเพื่อให้น้ำไหลซึมผ่านออก ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 วัน หลังจากนั้นจะได้ก้อนแป้งที่มีน้ำประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์
6. การต้มหรือนึ่งแป้ง
เป็นขั้นตอนที่ทำให้แป้งสุกประมาณ 25-35 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น เพื่อไม่ให้แป้งเหนียวมากเกินไป สำหรับระดับครัวเรือนจะใช้วิธีการต้ม ส่วนในโรงงานจะใช้วิธีการนึ่งแทน
ในระดับครัวเรือนจะใช้วิธีการปั้นแป้งเป็นก้อนๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-25 ซม. นำใส่เสวียนหย่อนลงต้มในน้ำเดือด โดยให้แป้งสุกเข้าด้านในประมาณ 1-3 ซม. เท่านั้น อย่าให้แป้งสุกลึกมาก เพราะจะทำให้โรยเส้นได้ยาก
7. การนวดแป้ง
เป็นขั้นตอนการนำก้อนแป้งมาบี้ให้ส่วนแป้งสุก และแป้งดิบผสมกัน ซึ่งอาจใช้มือหรือเครื่องจักรหรือครกไม้สำหรับชาวชนบท โดยสังเกตเนื้อแป้งขณะนวด หากแป้งแห้งมากให้ผสมน้ำร้อน หากแป้งเหนียวติดกันมากให้ผสมแป้งดิบ ก้อนแป้งที่เหมาะสำหรับโรยเส้นนั้น จะข้าวประมาณ 1 กิโลกรัม ที่ทำให้ได้ก้อนแป้งเหลวหนักประมาณ 3-3.5 กิโลกรัม มีลักษณะเป็นก้องแป้งอ่อนออกเหลวเล็กน้อย
ในขั้นตอนการนวดแป้ง หากต้องการเพิ่มสีสันขนมจีนให้มีสีต่างๆจะทำในขั้นตอนนี้ ด้วยการเทสีผสมอาหารผสมลงนวดพร้อมก้อนแป้งให้มีสีเนื้อเข้ากัน
8. การกรองเม็ดแป้ง
ในบางครั้งแป้งสุกอาจจับเป็นก้อนในขั้นตอนการนวดแป้ง หากนำไปโรยเส้นอาจทำให้เส้นขนมจีนไม่ต่อเนื่องได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกรองแป้งหลังนวดด้วยผ้าขาวเสียก่อนเพื่อกำจัดก้อนแป้งสุกออกไปให้หมด
9. การโรยเส้น
การโรยเส้นเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้ขนมจีนเป็นเส้น ด้วยการบีบดันก้อนแป้งเหลวให้ไหลผ่านรูขนาดลงในน้ำเดือดเพื่อทำให้เส้นสุก โดยยังคงรูปเส้นเหมือนเดิม ซึ่งในระดับครัวเรือนจะใช้แว่นหรือเฝื่อน
แว่นจะมีลักษณะเป็นแผ่นโลหะทรงกลมที่มีรูขนาดเล็กจำนวนมาก แว่นนี้จะถูกเย็บติดแน่นกับถุงผ้าที่ใช้สำหรับใส่ก้อนแป้งเหลว หลังจากนั้น รวบปลายผ้าเข้าหากัน และบีบดันแป้งให้ไหลผ่านรูลงหม้อต้ม
เฝื่อนมีลักษณะเป็นหม้อทรงกลมขนาดเล็ก 2 อัน อันแรกด้านล่างมีรูขนาดเล็กจำนวนมาก ด้านบนมีหูล็อกติดสองข้างสำหรับจับ อันทีสองมีลักษณะเหมือนกันแต่เล็กกว่า และสามารถวางสวมอันแรกได้ ซึ่งจะใช้สำหรับดันก้อนแป้งให้ไหลผ่านรูของอันแรกลงหม้อต้ม
ส่วนระดับโรงงานมักใช้ปั๊มแรงดันต่อท่อดันก้อนแป้งเหลวผ่านตะแกรงที่มีรูขนาดเล็กลักษณะคล้ายแว่นลงหม้อต้ม ซึ่งจะประหยัดแรงงาน และได้เส้นขนมจีนที่รวดเร็วกว่า
เมื่อบีบเส้นลงหม้อต้มแล้ว ให้พยายามรักษาความร้อนให้คงที่ และรอจนกว่าเส้นขนมจีนจะลอยตัวจึงใช้ตะแกรงหรือกระชุตักขึ้นมา
10. การทำให้เย็น และจัดเรียงเส้น
เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการทำขนมจีน ภายหลังจากต้มเส้นให้สุกลอยขึ้นด้านบนหม้อแล้ว ต่อมาจะใช้ตะแกรงหรือกระชุตักเส้นขนมจีนขึ้นมา แล้วจุ่มลงน้ำเย็นทันที รอจนเส้นเย็นพร้อมสามารถใช้มือจับได้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ขนมจีน


Kanomjeen5เมื่อเส้นเย็นให้ใช้มือข้างที่ถนัดจับเส้นขึ้นมาพันรอบฝ่ามืออีกข้างที่วางในแนวตั้ง จนกระทั่งหมดความยาวเส้น พร้อมวางใส่ภาชนะบรรจุหรือตะแกรงที่มีช่องให้น้ำไหลผ่านได้ และเป็นภาชนะที่พร้อมส่งจำหน่ายได้ทันทีหรืออาจวางเรียงให้แห้งก่อนค่อยจัดเรียงในภาชนะจำหน่าย ทั้งนี้ พยายามเรียงเส้นให้เป็นแนวสม่ำเสมอ